Agile: SCRUM vs SAFe vs XP

ต่อให้โลกการทำงานจะหมุนเร็วแค่ไหน แต่ “การเลือกวิธีทำงานให้เหมาะกับสภาพแวดล้อม” ยังเป็นอาวุธลับที่หลายทีมยังมองข้าม Agile ไม่ใช่ศัพท์เทคนิคลอย ๆ แต่เป็นสิ่งที่ช่วยให้ทีมคุณ “วิ่งไวขึ้น คิดไวขึ้น และรับมือความไม่แน่นอนได้อย่างสง่างาม”

Agile: ร่มใบใหญ่ที่ป้องกันทีมจากพายุความไม่แน่นอน

บนภาพชุดแรก เราจะเห็นว่า Agile ไม่ได้มีแค่ Scrum อย่างเดียว แต่เป็น “ร่มใหญ่” ที่รวมหลากหลายแนวทาง เช่น XP, Kanban, SAFe, LeSS, DAD ฯลฯ สิ่งที่ซ่อนอยู่คือ …

  • Agile ไม่ใช่สูตรตายตัว
  • Agile คือ “วิธีคิด” ที่ยืดหยุ่น
  • Agile คือ “ชุดเครื่องมือ” ที่เลือกให้เข้ากับสถานการณ์จริงของทีม

พูดง่าย ๆ มันคือการเลือกอาวุธที่เหมาะกับสนามรบ ไม่ใช่การเอาทุกอย่างมายัดใส่ทีมจนเดินไม่ไหว

Predictive vs Adaptive vs Reactive

ในโลกจริง ไม่มีวิธีไหนดีที่สุด มีแต่ “เหมาะกับสถานการณ์ไหน”

Predictive โลกที่ทุกอย่างนิ่งเหมือนนั่งเรือสำราญ เหมาะกับงานที่รู้ชัดเจนว่าจะเจออะไร เช่น Waterfall

  • ต้องรู้ทุกขั้นตอนล่วงหน้า
  • ใช้ได้ดีเมื่อความเสี่ยงต่ำและความเปลี่ยนแปลงน้อย

แต่ถ้าโลกของคุณเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง requirement เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ทุกอย่างตั้งอยู่บนความไม่แน่นอน

Adaptive โลกของความเป็นจริง ที่ทุกอย่างเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา นี่คือบ้านของ Scrum และ XP

  • Sprint สั้น ๆ: ความสำเร็จเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ทีมตั้งใจ “สร้างคุณค่าบางอย่างให้เสร็จจริง” ไม่ใช่แค่ทำให้ 70–80% แล้วค้างไว้เป็น Technical debt
  • ปรับแผนได้ทุกครั้งที่ได้ feedback กลับมาจาก Sprinte Review, Restrospective
  • ทีมพร้อมรับมือความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
  • Backlog ที่จัดลำดับตาม value ของ story หรือ Task ทีมรู้ว่าอะไรสำคัญที่สุด ไม่ใช่ใส่ทุกอย่างลงมาพร้อมกัน
  • ทีม Focus ที่ Sprint Goal เป็นหลัก
  • ทุกอย่างตั้งอยู่บนความโปร่งใส ทุกคนรู้สถานะงาน เห็นความเสี่ยง และช่วยกันแก้ก่อนปัญหาจะระเบิด
  • ทุก Sprint คือการเรียนรู้ มันคือระบบที่ออกแบบมาเพื่อให้ทีมล้มได้ แต่ก็ลุกได้ไวแบบไม่เจ็บตัว

พูดง่าย ๆ คือ: มันคือสไตล์ “ลงมือก่อน ปรับทีหลัง”

Reactive เหมาะกับงานที่ต้องตอบสนองทันที เช่น Kanban

  • จัดคิวแบบเรียลไทม์
  • เหมาะกับงาน support, ops, incident, หรือ environment ที่เดาอะไรไม่ได้เลย

Kanban คือ “คิวงานที่โปร่งใสและไหลลื่น” แบบไม่ต้องมี Sprint

SCRUM vs SAFe vs XP แบบใหนเหมาะกับใคร?

ภาพชุดที่สองโฟกัส 3 ตัวหลักที่หลายองค์กรใช้จริง

SCRUM: เหมาะกับทีมเล็กที่ต้องวิ่งไว

  • Sprint สั้น ๆ
  • Daily standup
  • โฟกัส เป้าหมาย และ feedback เร็ว
  • เหมาะกับทีมที่ต้องปรับตัวเร็ว
  • แต่ต้องระวัง “ทำ Scrum แบบเช็กลิสต์” (อันนี้เจ็บมาก เจอบ่อยมาก )

Scrum เหมาะกับองค์กรหรือทีมที่ “พร้อมให้ทีมตัดสินใจเองได้บ้าง”

SAFe: สำหรับองค์กรที่มีหลายทีมและต้องการ scale

  • ใช้ PI Planning
  • เชื่อมทีมเข้าด้วยกันให้วิ่งไปในทิศทางเดียว
  • เหมาะกับโปรเจกต์ใหญ่ ๆ ที่เกี่ยวข้องหลายแผนก
  • แต่ต้องระวัง: ถ้าทำไม่ดี SAFe จะกลายเป็น “ราชการเวอร์ชั่น Agile”

SAFe คือ Agile ที่ใช้ในองค์กรใหญ่จริง ๆ และช่วยเชื่อมทุกส่วนให้เดินหน้าไปด้วยกัน

XP: สำหรับงานคุณภาพสูงที่เปลี่ยนไว

  • Pair programming
  • Test-Driven Development
  • Continuous Integration
  • เหมาะกับทีม dev ที่ต้องการคุณภาพระดับสูงมาก ๆ

XP เหมือนห้องทดลองที่ engineer อินสุด ๆ แต่ถ้าทำได้ดี ผลงานจะสุดยอดมาก

ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญ?

เพราะโลกธุรกิจวันนี้ “เปลี่ยนเร็วกว่าที่เราวิ่งตามทัน” และกรอบการทำงานที่เหมาะสมคือฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยให้ทีมคุณ…

  1. รับมือความเปลี่ยนแปลงได้
  2. ลดความสูญเสียจากการสื่อสารผิดพลาด
  3. ทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น
  4. ปล่อยงานเร็วขึ้น และคุณภาพดีขึ้น

Agile ไม่ใช่ของวิเศษ แต่มันคือ “ทักษะเอาตัวรอดขององค์กรยุคใหม่” และการเลือกกรอบในการทำงาน (Scrum/SAFe/XP/ Kanban) คือเรื่องของกลยุทธ์ ไม่ใช่แฟชั่น

บทสรุปแบบจับต้องได้

  • ถ้าทีมเล็กใช้ Scrum
  • ถ้าหลายทีมต้องประสานงาน SAFe เหมาะกว่า
  • ถ้าคุณภาพสำคัญมากและแก้ requirement ตลอดต้อง XP
  • ถ้าเป็นงานไหลเข้าไม่หยุด เช่น support Kanban ตอบโจทย์ที่สุด

Agile ไม่ได้ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น แต่มันทำให้เราจัดการความยากได้ดีขึ้นต่างหาก คุณไม่ต้องเป็น “Agile Master” ตั้งแต่วันแรก แต่ทุกทีมสามารถเริ่มต้นด้วยการ

  • คุยกันให้มากขึ้น
  • วัดผลให้เร็วขึ้น
  • กล้าลอง กล้าปรับ
  • และสร้างวัฒนธรรมที่ให้คนทำงานได้ดีขึ้นทุกวัน

เพราะสุดท้าย… “Agile ไม่ได้เปลี่ยนงาน แต่เปลี่ยนคนทำงานให้เติมพลังมากขึ้น”