DARK CLOUD COVER /PIERCING PATTERN
Dark Cloud Cover
หรือ Kabuse นั้นเป็นกลุ่มแท่งเทียนประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่ง ซึ่งมีลักษณะตรงกันข้ามกับ Piercing Pattern โดยจะเกิดขึ้นในตลาดที่มีแนวโน้มขาขึ้น แท่งเทียนแรกจะเป็นลักษณะโปร่งยาว เกิดขึ้นบนยอดของแนวโน้ม แท่งเทียนที่สองจะเป็นแท่งทึบยาวที่มีราคาเปิดสูงกว่าจุดสูงสุดของแท่งโปร่ง แต่ราคาปิดนั้นต่ำลงมาเกินครึ่งหนึ่งของแท่งโปร่ง ยิ่งปิดต่ำเท่าไหร่ โอกาสที่แนวโน้มจะกลับตัวยิ่งสูงขึ้น แต่ถ้าราคาปิดต่ำกว่าหรือเท่าราคาเปิดของแท่งโปร่ง จะกลายเป็น Engulfing Pattern, คำว่า Kabuse ในภาษาญี่ปุ่นหมายถึงแขวนหรือห้อย ดังนั้น ราคาปิดจึงต้องไม่ต่ำกว่าหรือเท่ากับแท่งโปร่งก่อนหน้า
เงื่อนไข
- แท่งเทียนแท่งแรกต้องเป็นแท่งโปร่งและแท่งเทียนที่สองต้องเป็นแท่งทึบเสมอ
- ต้องเกิดขึ้นในตลาดที่มีแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจนมาระยะหนึ่งและแท่งโปร่งยาวนั้นเกิดขึ้นบนยอดของแนวโน้ม
- ราคาเปิดของแท่งทึบต้องสูงกว่าราคาสูงสุดของแท่งโปร่งเสมอ
- ราคาปิดของแท่งทึบต้องต่ำกว่าแท่งโปร่งอย่างน้อยครึ่งแท่งเทียน
องค์ประกอบที่ช่วยให้สัญญาณแม่นยำขึ้น
- แท่งเทียนทั้งสองยิ่งยาวเท่าไหร่ โอกาสในการกลับตัวยิ่งสูงเท่านั้น
- ช่องว่างระหว่างราคาปิดแท่งโปร่งกับราคาเปิดแท่งทึบยิ่งกว้างเท่าไหร่ การกลับตัวยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น
- แท่งทึบยิ่งปิดกินเนื้อเทียนของแท่งโปร่งลงมาต่ำเท่าไหร่ ความแข็งแกร่งในการกลับตัวยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น
- ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นมากในสองแท่งเทียนนี้จะเป็นหลักฐานยืนยันการกลับตัวที่สำคัญ
จิตวิทยาเบื้องหลังแท่งเทียน
หลังจากที่ราคาเป็นขาขึ้นอย่างสมบูรณ์ ราคาพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนมาถึงระดับหนึ่ง เริ่มมีแรงขายทำกำไร แรงขายนั้นมากพอที่จะกดให้ราคาต่ำลงไปปิด ณ จุดต่ำสุดของแท่งเทียน ลบล้างกำไรที่เกิดขี้นในวันก่อนหน้าเกือบหมด ทำให้ฝ่ายซื้อเริ่มเกิดความกังวลว่าแนวโน้มขาขึ้นได้สิ้นสุดลงแล้ว นี่เป็นจังหวะที่ดีที่จะเปิด short โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ราคาเปิดของแท่งทึบ ต้องจำไว้เสมอว่าถ้าหากราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิดของแท่งเทียนก่อนหน้า มันจะกลายเป็น Bearish Engulfing Pattern ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการกลับตัวที่ชัดเจนยิ่งขี้น
Piercing Pattern
หรือ Kirikomi ในภาษาญี่ปุ่นนั้นประกอบไปด้วยแท่งเทียนสองแท่งในตลาดขาลง แท่งทึบแท่งแรกนั้นบ่งบอกถึงแนวโน้มราคาปัจจุบัน แท่งเทียนแท่งที่สองนั้นจะเปิดต่ำกว่าราคาต่ำสุดของแท่งแรก (นับใส้เทียน) และราคาปิดนั้นต้องมากกว่าครึ่งหนึ่งของแท่งเทียนแท่งแรก
เงื่อนไข
- แท่งเทียนแท่งแรกต้องเป็นแท่งทึบ แท่งที่สองต้องเป็นแท่งโปร่ง
- แนวโน้มราคาต้องเป็นขาลงที่ชัดเจนมาระยะหนึ่ง แท่งเทียนทึบยาวต้องเกิด ณ จุดต่ำสุดของแนวโน้ม
- แท่งเทียนถัดมาต้องเปิดต่ำกว่าราคาต่ำสุดของแท่งเทียนก่อนหน้า
- ราคาปิดของแท่งโปร่งต้องสูงเกินกว่าครึ่งหนึ่งของแท่งทึบ
องค์ประกอบที่ช่วยให้สัญญาณแม่นยำขึ้น
- แท่งสัญญาณยิ่งยาวเท่าไหร่ โอกาสในการกลับตัวยิ่งสูงยิ่งขึ้น
- ยิ่งราคาเปิดแท่งโปร่งเปิดห่างจากราคาปิดของแท่งทึบเท่าไหร่ (gap) โอกาสในการกลับตัวยิ่งมากยิ่งขึ้น
- ราคาปิดของแท่งโปร่งยิ่งสูงเท่าไหร่ โอกาสในการกลับตัวยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น
- ปริมาณการซื้อขายระหว่างสัญญาณยิ่งมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นการเพิ่มน้ำหนักความน่าจะเป็นที่แนวโน้มจะกลับตัวมากยิ่งขึ้น
จิตวิทยาเบื้องหลังแท่งเทียน
ตลาดอยู่ในแนวโน้มขาลงที่ชัดเจนมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ฝ่ายขายกดราคาให้มันต่ำลงมาเรื่อย ๆ แต่เมื่อราคาลงไปถึง ณ จุดหนึ่ง ผู้คนในตลาดเริ่มเห็นว่าราคามันถูกเกินไป ฝ่ายซื้อรีบเร่งซื้อดันให้ราคาไปปิดที่จุดสูงสุดหรือไกล้เคียงของวัน ทำให้ฝ่ายขายเริ่มเกิดความกังวล แรงซื้อที่ยังเข้ามาอย่างต่อเนื่องในวันถัดไป เป็นการเพิ่มน้ำหนักโอกาสในการเปลี่ยนของแปลงแนวโน้มราคาที่มากยิ่งขึ้น
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของการตกผลึกจากหนังสือ Profitable candlestick trading