เลือกเนื้อที่ใช่ให้หมาป่า

บ่อยครั้งในชีวิตของเราที่ต้องเผชิญกับหนทางสองแพร่งที่เราจำเป็นต้องเลือกอยู่เสมอ ผลลัพท์จากการตัดสินใจ เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นตัวตนของเราอย่างแท้จริง ดังนั้นการที่เราจะพัฒนาตัวตนของเราไปในทิศทางใด ไม่ใช่สิ่งที่สวรรค์กำหนดแต่หากเป็นตัวเราเองต่างหากที่เลือกเอง หนังสือ "เลือกเนื้อที่ใช่ให้หมาป่า" นับว่าเป็นหนังสือที่ดีมากอีกเล่มหนึ่งที่จะช่วยให้เราเข้าใจถึงผลกระทบที่เกิดจากการตัดสินใจ ที่มีผลต่อชีวิตของเราทั้งในปัจจุบันและอนาคต

ทุกเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้สร้างความประทับใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่เว้นแม้แต่คำนำ ดังนั้นจึงขอยกคำนำออกมาเปิดเผยก่อนเข้าถึงบทสรุปของเนื้อหา

คุณไม่สามารถได้ทุกอย่าง และไม่อาจไม่เอาซักอย่าง การเลือกใด ๆ ล้วนสะท้อนถึงการตัดสินคุณค่าในใจของคุณเอง ใช่ว่าเราจะเลือกได้ถูกต้องทุกครั้ง แต่อย่างน้อยก็จะทำให้ยิ่งชัดเจนว่า สิ่งที่เราต้องการอย่างแท้จริงคืออะไร

เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ประกอบด้วยเรื่องที่เรามักจะพบเจอในชีวิตประจำวัน ที่เราต้องตัดสินใจเลือก ทั้งหมด 50 เรื่องโดยแบ่งออกเป็น 5 หมวดหมู่สำคัญคือ

  1. ความเข้มแข็งกับความอ่อนแอ
  2. ความไกล้ชิดกับความเหินห่าง
  3. เวลากับเงินทอง
  4. พิจารณาตนเองหรือหรือโยนความผิดให้ผู้อื่น
  5. ความมั่นคงกับความท้าทาย

โดยแต่ละหมวดหมู่จะประกอบไปด้วยเรื่องราวทั้งหมดที่เกี่ยวข้องสิบเรื่อง ทั้งนี้ผู้อ่านจะยกมาเพียงบางเรื่องของแต่ละหมวดหมู่เพื่ออธิบายขยายความและสรุปออกมา


ทุกครั้งที่ถึงทางแยก อำนาจการตัดสินใจจะอยู่ในมือเรา การเลือกว่าจะไปทางซ้ายหรือทางขวาล้วนไม่มีคำว่าถูกหรือผิดคอยกำกับ มีเพียงความปราถนาในใจเราเท่านั้นที่เป็นตัวกำหนด ดังนั้นไม่ว่าผลลัพท์จะเป็นเช่นไร ตัวเราเองคือผู้ที่ต้องรับผิดชอบ และเมื่อถึงวันหนึ่งข้างหน้า เมื่อเรามองย้อนกลับมา เราจะรู้สึกอย่างไรต่อการตัดสินใจในวันนี้ นี่คือคำถามที่เราต้องทบทวนทุกครั้งก่อนทำการตัดสินใจ

ความเข้มแข็งกับความอ่อนแอ

เราทุกคนล้วนเคยมีโอกาศเผชิญหน้ากับสิ่งที่ต้องตัดสินใจเลือกยาก เช่น คุณธรรมกับความชั่ว ความดีกับความโลภ เห็นแก่ตัวหรือเห็นใจคนอื่น เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้แล้ว การตัดสินใจขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจเป็นพื้นฐาน หากมีจิตใจที่เข้มแข็งย่อมเลือกในสิ่งที่เหมาะสม ในขณะที่คนที่มีจิตใจอ่อนแอ ยอมแพ้ต้องความต้องการของตนเอง ย่อมเลือกเส้นทางที่แตกต่างออกไป คนที่มีจิตใจเข็มแข็งมักจะไม่ลังเลที่จะเลือกกระทำในสิ่งที่ควรแต่ในขณะเดียวกันผู้ที่มีจิตใจอ่อนแอ ถึงแม้จะเลือกกระทำในสิ่งที่ควรกลับรู้สึกฝืนความรู้สึกส่วนตน แต่หากเลือกเส้นทางตรงกันข้าม ก็ต้องเผชิญกับปัญหาจริยธรรมของตนเอง ดังนั้น จึงมักจะลังเลและใช้เวลาเนินนานกว่าจะตัดสินใจได้

จิตใจที่เข็มแข็งหรืออ่อนแอ ไม่ใช่สิ่งที่เป็นมาแต่กำเนิด แต่เป็นสิ่งที่เราสามารถฝึกฝนพัฒนาได้ ทุกครั้งที่เราเลือกอยู่ข้างมโนธรรม ความถูกต้อง ความซื่อสัตว์ในใจเราก็จะเติบโตขี้น เมื่อผ่านการฝึกฝนอยู่สม่ำเสมอ จิตใจย่อมเข้มแข็งไปโดยธรรมชาติ ดังเช่นนิทานเรื่องหมาป่าในใจ ที่ผู้เขียนยกมาเป็นตัวอย่าง ความว่า เราทุกคนมีหมาป่าอยู่ในใจสองตัว ตัวหนึ่งสงบ เชื่อง อีกตัวดุร้ายและเหี้ยมโหด สองตัวนี้ ตัวไหนที่แข็งแรงกว่ากัน คำตอบคือ ตัวที่เราเลี้ยง ดังนั้นจะเป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็งหรืออ่อนแอ ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราเลือก

ความไกล้ชิดกับความเหินห่าง

เมื่ออยู่ในสังคม ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีปฏิสัมพันธ์ผู้คนรอบข้าง มีหลายคนที่เราอยากไกล้ชิด และก็มีไม่น้อยที่เราอยากหนีห่าง ตัวเราเองก็เช่นกัน ดังนั้นการที่เราจะทำให้อื่นอยากไกล้ชิด หรือเหินห่างนั้นก็ขึ้นอยู่กับการเลือกปฏิบัติตัวของเราเอง หาใช่ใครอื่นเป็นคนกำหนด จริงอยู่ที่เราไม่สามารถทำให้คนทุกคนรักเรา ขอเพียงแค่ไม่เกลียดก็ถือว่ามีโอากาสสำหรับการพัฒนาความสัมพันธ์แล้ว

ในชีวิตจริง เราย่อมไม่สามารถไกล้ชิดกับทุกคนได้ กับบางคน เราจำเป็นต้องรักษาระยะห่างที่พอดี เพื่อไม่ให้เขาเหล่านั้นทำให้ชีวิตเรายุ่งเหยิง หรือตกต่ำ สิบเรื่องราวที่ผู้เขียนยกมา สะท้อนให้เห็นว่า การรักษาความสัมพันธ์กับคนในสังคมให้ยืนยาว ไกล้ชิดหรือเหินห่างล้วนมีจุดเริ่มต้นจากการเลือกปฏิบัติตนของเรา

เวลากับเงินทอง

เราคงบอกไม่ได้ว่าสองอย่างนี้อะไรสำคัญกว่ากัน ดังนั้นเราจำเป็นต้องรู้จักการบริหารจัดการสองอย่างนี้ให้ลงตัว หาไม่แล้วชีวิตเราจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากเป็นแน่ กับการบริหารเวลาแล้ว วินัยเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด หากเราไม่สามารถควบคุมความต้องการ ปล่อยทุกอย่างเป็นไปตามใจปราถนา เช่นนี้แล้ว เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตก็จะหมดไปกับเรื่องราวที่หาสาระไม่ได้. บ่อยครั้งที่เวลา จะเป็นตัวตัดสินความสำเร็จหรือล้มเหลว ยกตัวอย่างเช่นการประชุมต่าง ๆ หากผู้เข้าร่วมประชุมไม่รักษาเวลาย่อมส่งผลกระทบกันโดยทั่ว

กับเงินทองแล้ว วาทะกรรมที่ว่า "เงินทองเป็นของนอกกาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้" เป็นเพียงประโยคปลอบใจเท่านั้น ในชีวิตเรามักจะพบเจอกับคนที่หาเงินได้อย่างไม่ยากเย็น แต่ก็ยังจนอยู่เสมอ สาเหตุก็เพราะไม่รู้จักการวางแผนในการใช้จ่าย เงินจึงเพียงผ่านมือ แต่ไม่เหลือเก็บ

หวางหย่งชิ่ง มหาเศรษฐีชาวฮ่องกงกล่าวไว้ว่า "การหาเงินได้เป็นความสามารถ แต่การรู้จักใช้เงินเป็นปัญญา" ดังนั้นหากอยากร่ำรวย จงอย่างใช้แต่เพียงความสามารถอย่างเดียว จงใช้ปัญญาด้วย

พิจารณาตนเองหรือหรือโยนความผิดให้ผู้อื่น

การใช้ชีวิตอยู่ในสังคม บางครั้งก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่ง หรือความรู้สึกไม่สบายใจอันเกิดจากคนรอบตัว ทุกครั้งที่เราเผชิญกับเหตุการณ์เหล่านี้ เราเลือกที่จะพิจารณาตนเองก่อน หรือโทษคนอื่นเป็นอันดับแรก สำหรับสิบเรื่องราวในหมวดหมู่นี้ เป็นการสอนให้เรารู้จักการพิจารณาตนเอง เมื่อเราต้องสูญเสียอะไรไป ก็ต้องรู้จักพิจารณาว่าเราได้เรียนรู้อะไรบ้าง และเมื่อถึงคราวเราทำผิดพลาดก็ต้องกล้ายืดอกรับผิดชอบ และยึดถือมันเป็นประสบการณ์ใว้คอยเตือนตัวเองอยู่เสมอ

สำหรับหมวดหมู่นี้ ผู้อ่านรู้สึกประทับใจกับบทที่ 36 รักต้องแบกรับและต้องโอนอ่อน เมื่ออ่านบทความนี้แล้วทำให้นึกถึงบทความอีกบทความหนึ่งที่เคยอ่านเมื่อนานมาแล้ว ว่าด้วยเรื่องความรัก คำถามมีอยู่ว่า "เมื่อเราไปทานอาหารกับคนที่เรารัก แล้วเรารู้สึกว่าจานไหนอร่อยเป็นพิเศษ เราจะกินให้มากขึ้น หรือกินให้น้อยลง" คำตอบของคำถามข้อนี้ไม่มีถูกหรือผิด แต่คำตอบที่ได้ จะสะท้อนไปถึงตัวตนที่แท้จริงของเรา มิเพียงเท่านั้นยังสะท้อนไปถึงพื้นฐานครอบครัวด้วย ตอนเด็ก ๆ ที่บ้านผู้อ่านยากจนมาก นาน ๆ เราจะได้กินปลาทูซักตัวหนึ่ง พ่อกับแม่มักจะถามว่า อร่อยไหม ถ้าอร่อยก็ให้กินเยอะ ๆ แต่ในขณะเดียวกันพ่อกับแม่มักจะได้ลิ้มรสแต่เพียงหัวกับหางปลาทูซึ่งหารสชาติมิได้ นี่แหละคือความรักที่แท้จริงที่หาได้ยากยิ่ง หากวันหนึ่งคุณไปทานอาหารกับคนรักแล้วรู้สึกเช่นนี้ นั่นแสดงคุณรักเขาอย่างแท้จริงหาใช่เพียงลุ่มหลงชั่วครั้งคราว

ความมั่นคงกับความท้าทาย

ชีวิตคนวัยทำงานมักจะเผชิญกับทางเลือกแบบนี้อยู่เสมอ แต่ไม่ว่าเราจะเลือกเส้นทางไหนต่างก็มีความเสี่ยงเสมอ ไม่มากก็น้อย แต่การที่เราไม่เสี่ยงเลยกลับกลายเป็นความเสี่ยงสูงสุด สิบเรื่องราวที่ผู้เขียนยกมาในหมวดหมู่นี้ล้วนเกี่ยวข้องกับการทำงาน งานบางอย่างก็ลำบากกาย แต่สบายใจ งานบางประเภทก็ลำบากใจแต่ผลตอบแทนสูง บ่อยครั้งที่เราจะเห็นว่าคนอื่นโชคดี ที่ได้งานดี ๆ ประสบความสำเร็จ แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่ควรมองข้ามคือความมานะพยายามที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเขาเหล่านั้น การเลือกงานถือเป็นการเลือกรูปแบบการดำเนินชีวิตและอาจสะท้อนถึงค่านิยมในชีวิตเราด้วย ดังนั้นก่อนการตัดสินใจควรพิจารณาให้รอบด้าน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากกาย ลำบากใจ


สำหรับหนังสือเล่มนี้ ขอยกให้เป็นหนึ่งไหนหนังสือ 100 เล่มที่ควรอ่านเป็นอย่างยิ่ง