GAP or Window

การเทรดนั้นก็เหมือนกับการเล่นหมากล้อม หมากที่วางลงบนกระดานนั้นมีความเป็นไปได้เพียงสองทางคือกิน หรือถูกกิน สิ่งสำคัญที่แท้จริงนั้นไม่ได้อยู่ที่หมากในกระดาน แต่คือหรือหมากที่อยู่นอกกระดานที่ยังไม่ถูกวางลงไปต่างหาก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการตัดสินใจก่อนการวางหมากแต่ละเม็ด
จะตัดสินใจวางหมากได้ ต้องเข้าใจเกมส์ คาดเดาความคิดคู่ต่อสู้ กำหนดกลยุทธ์ วางแผนการ

Window หมายถึงการที่ราคาปิดและราคาเปิดของแท่งเทียนสองแท่งต่างกันมาก ทำให้มีช่องว่างระหว่างแท่งเทียนทั้งสองแท่ง ซึ่งนักวิเคราะห์ฝั่งตะวันตกเรียกช่องว่างนี้ว่า Gap ส่วนคนญี่ปุ่นเรียกว่า Window หรือหน้าต่าง โดย Gap นั้นเกิดขึ้นได้ทั้งในตลาดที่มีแนวโน้มและไซด์เวย์

go in the direction of the window.

Gap นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหร้บการวิเคราะห์แท่งเทียน จิตวิทยาเบื้องหลังของมันนั้นชัดเจนและตรงไปตรงมา เมื่อเกิดขึ้นแล้วสามารถเป็นได้ทั้งแนวรับและแนวต้าน

แนวโน้มขาขึ้น - Gap นั้นเป็นแนวรับของการ pullbacks ของราคา หากราคาลงมาปิดแกปแล้วเด้งขึ้น นั่นเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าแนวโน้มราคายังคงขึ้นไปต่อ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีที่จะสะสมหุ้นเพิ่ม แต่หากราคาลงมาปิดแกปแล้วไม่เด้ง หรือทะลุแกปลงมา นั่นสะท้อนว่าแนวโน้มราคานั้นอาจจะกลับตัวแล้ว เป็นโอกาสที่ดีที่จะเปิด Short

แนวโน้มขาลง - Gap นั้นกลายเป็นแนวต้านที่สำคัญ หากการ rebound ของราคานั้นไม่สามารถทะลุแกปขึ้นมาแล้วยืนอยู่เหนือแกปได้ นั่นหมายความว่าแนวโน้นขาลงยังไม่จบ ดังนั้นเทรดเดอร์สามารถใช้ แกปเป็นจุดตัดสินใจสำหรับการ take action

เหมือนเช่นสัญญาณอื่น ๆ ความสำคัญของแกปนั้นมากยิ่งขึ้นหากเกิดขึ้นในจุดที่สัมพันธ์กับ stochastics

High-Price Gapping Play

หลัง Breakout มักจะมีการ consolidate หรือพักตัวเป็นช่วงเวลาหนึ่ง โดยแท่งเทียนช่วงนี้จะอยู่เป็นลักษณะ Indecision ช่วงพักตัวนั้นเป็นช่วงเวลาที่ Stochastics ย่อเพื่อเติมพลังสำหรับรอบต่อไป แกปที่เกิดขึ้นหลังการพักตัวนั้นแสดงให้เห็นถึงการกลับมาของแรงซื้ออย่างแน่นหนา เป็นการส่งสัญญาณการขึ้นรอบใหม่อีกครั้ง

Low-Price Gapping Play

ตรงกันข้ามกับ High-Price Gapping Play หลังจากราคาลงมาระยะหนึ่งจะเกิดการพักตัว ทำให้เกิดความหวังว่าจะแรงซื้อจะเริ่มก่อตัว แต่เมื่อเกิดแกปต่ำลงไป ความหวังเหล่านั้นก็สูญสิ้นไปด้วย

Windows at Critical Points

Gap นั้นเผยให้จุดเข้าซื้อที่ดีที่สุดและสามารถทำกำไรในแต่เทรดได้มากอย่างเหลือเชื่อ ผู้ที่แนะนำว่าอย่าซื้อหลังเกิดแกปนั้น คือคนที่ไม่มีความรู้ในเรื่องแกปอย่างแท้จริง หลักการทำกำไรจาก Gap คือ

สัญญาณแท่งเทียน + Gap ราคา + Stochastics

กุญแจสำคัญคือ ตำแหน่งที่เกิด Gap บนเทรน เมื่อเราเข้าใจแล้วว่าตำแหน่งที่เกิด Gap ในแต่ละที่นั้นมีนัยอะไร และมีความสำคัญอย่างไร เทรดที่เกิดขึ้นมักจะทำกำไรได้ดีเสมอ

ยกตัวอย่างเช่น Gap ที่เกิดในเทรนขาขึ้น - ในช่วงตลาดปิด อาจจะมีข่าวหรือข้อมูลบางอย่างที่ส่งผลในเชิงบวกเกิดขี้น ทำให้ความต้องการซื้อหุ้นสูงขึ้น จนดันราคาเปิดให้โดดขึ้นสูงกว่าราคาปิดก่อนหน้า

ในเทรนขาลง - การมองเห็นการก่อตัวการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มล่วงหน้าช่วยให้สามารถเข้าซื้อในตำแหน่งที่ได้เปรียบ - หลักการพื้นฐานคือ เมื่อเกิดสัญญาณแท่งเทียน เช่น Doji, Harami, Hammer หรือสัญญานใดๆ ก็ตามที่สะท้อนให้เป็นถึงการหดตัวของแรงขาย (จำไว้เสมอว่า ในขาลง จำเป็นต้องมีแท่งยืนยันสัญญาณ) สิ่งที่ใช้ยืนยันการกลับตัวของราคาคือแรงซื้อในแท่งหลังสัญญาณ ซึ่งการยืนยันนั้นจะมีน้ำหนักมากขึ้นเมื่อเกิด Gap ระหว่างแท่งสัญญาณกับแท่งยืนยันสัญญาณ Gap ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความกระตือรือร้นของฝ่ายซื้อ

Gaps at the Bottom

ในเทรนขาลงนั้นคนส่วนใหญ่มักจะขาย ณ จุดต่ำสุดของราคา โดยในช่วงท้ายของเทรนนั้นแท่งเทียนจะมีความยาวมากกว่าปกติ ความกลัวนั้นยังสามารถสะท้อนออกมาในรูปแบบของ Gap ราคาเช่นกัน ดังนั้นหากเกิด Gap Down ในขณะที่ราคาหุ้นอยู่ในโซน Oversold นั้นต้องเริ่มจับตาดูอย่างไกล้ชิดเพื่อมองหาสัญญาณซื้อ เพราะเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าราคาหุ้นไกล้ถึงจุดต่ำสุดแล้ว เมื่อเกิดแท่งเทียนสัญญาณ และแท่งยืนยันสัญญาณที่เปิด Gap นั่นเป็นการยืนยันการเริ่มแนวโน้มราคาใหม่ที่ชัดเจนที่สุด

Gaps at the Top

Gap UP แน่นอนว่าการเกิด Gaps นั้นสะท้อนให้เห็นความกระตือรือร้นของนักลงทุนในตลาด แต่การเกิด Gap UP ณ จุดยอดสูงสุดของเทรนนั้น มีความเป็นไปได้ 3 ประการ โดยมากแล้วเป็นการแสดงให้เห็นถึงอาการอ่อนแรงของฝ่ายซื้อที่พยายามดันราคาขึ้น ประการที่สองคือการเริ่มต้นของ Three Rising Windows ประการสุดท้ายคือข่าวใหญ่ที่มีผลในเชิงบวกต่อราคาหุ้น คำถามที่สำคัญคือ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าตรงนั้นเป็นจุดสุดยอดของแนวโน้ม?

จะเป็นจุดสุดยอดหรือจุดเริ่มต้นของแนวโน้มรอบใหม่นั้นต้องดูความแข็งแกร่งของของราคาหลังเปิด Gaps

  • เป็นพฤติกรรมธรรมชาติที่หลังจากราคาขึ้นแรงแล้วต้องมีการย่อหรือพักตัว แต่การย่อนั้นต้องย่อไม่ต่ำลงไปเกินกว่าครึ่งของแท่งเทียนที่เปิดแกป ถึงจะเป็นการขึ้นที่แข็งแกร่ง และราคายังไปได้อีกไกล
  • หากการย่อนั้นลงต่ำกว่าหรือเท่ากับราคาปิดของแท่งเทียนก่อนหน้า เป็นการแสดงให้เห็นว่าการเปิดแกปนั้นเป็นเพียงแรงฮึดสุดท้ายของฝ่ายซื้อ และอาจเป็นจุดสูงสุดของแนวโน้มขาขึ้น

Doji , Spinning Tops, Dark Clouds, and Bearish Engulfing แกปที่เกิดขึ้นหลังสัญญาณกลับตัวเหล่านี้คือ จุดที่เทรดเดอร์ต้องตัดสินใจออกจากการเทรดโดยทันที

** หากแนวโน้มราคาอยู่ในขาขึ้นมานานและเกิด Gap up ควรของออกครึ่งหนึ่งเพื่อลอคกำไร ส่วนที่เหลือให้ตั้ง SL ที่ราคาปิดของแท่งเทียนก่อนหน้า หากราคามีความแข็งแกร่งและวิ่งขึ้นต่อให้เลื่อน SL ขึ้นมาที่ราคาเปิดของแท่งเทียนที่เปิด Gaps ถ้าหากราคาย่อลงมาถึงจุด SL จุดใดจุดหนึ่ง จะเกิดแท่งเทียนที่ส่งสัญญาณกลับตัวดังนี้ Shooting Stars, Dark Clouds, Bearish Engulfing, Meeting Lines ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแท่งเทียนแบบไหนก็ล้วนแต่เป็นสัญญาณให้ออกจากการเทรดทันที

Dumpling Tops นั้นเริ่มต้นจากชุดแท่งเทียนสั้น ๆ ในช่วงปลายแนวโน้มขาขึ้นในขณะที่ STO อยู่ในโซน Overbought  โดยราคาเปิด-ปิดแต่ละแท่งเทียนจะเริ่มต่ำลงเรื่อย ๆ ก่อให้เกิดรูปกราฟโค้งมน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ตลาดทีเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ Gaps ที่เกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์ตลาดแบบนี้เป็นจุดที่นักลงทุนใช้เป็นจุดตัดสินใจออกจากการเทรด

Dumpling Top

Fry-Pan Bottoms นั้นตรงข้ามกับ Dumpling Tops เกิดขึ้นในช่วงท้ายของแนวโน้มขาลง โดยเริ่มต้นจากการที่แท่งเทียนแต่ละแท่งเริ่มหดสั้นลงเรื่อย ๆ ราคาเปิด-ปิดเริ่มยกตัวสูงขึ้นเป็นลำดับ จนกราฟกลายเป็นรูปก้นกะทะโค้งมน เป็นการสะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ตลาดที่เกิดขึ้นอย่างช้า ๆ Gaps ที่เกิดขึ้น ณ จุดใดจุดหนึ่งภายใต้สถาณการณ์ตลาดแบบนี้จะเป็นจุดตัดสินใจของนักลงทุนในการเข้าเทรด **โดยไม่จำเป็นต้องกังวลถึงแม้ว่า Stochastic จะอยู่ในโซน Overbought ก็ตาม

Fry-Pan Bottom

คุณลักษณะสำคัญประการหนึ่งของ Fry-Pan คือถ้ามัน Breakout ราคามันจะวิ่งไปไกลพอสมควร


บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของการตกผลึกจากหนังสือ Profitable candlestick trading