Secrets of the Millionaire Mind: Wealth File 13

Rich people focus on their net worth. Poor people focus on their working income.

เมื่อเราพูดคุยกันในเรื่องเงิน คำถามส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ว่า เรามีรายได้เท่าไหร่ แต่น้อยคนที่จะโฟกัสไปว่าเรามีเงินได้สุทธิเท่าไหร่ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ใช้ชี้วัดความร่ำรวยมั่งคั่งที่แท้จริง ยกตัวอย่างเช่นนายเอ มีรายได้หนึ่งล้านบาทต่อปี มีรายจ่าย เก้าแสนแปดหมื่นต่อปี กับนายบีที่มีรายได้สองแสนบาทต่อปี มีค่าใช้จ่ายหนึ่งแสนบาทต่อปี หากเราโฟกัสที่รายได้ นายเอย่อมดูร่ำรวยมั่งคั่งกว่านายบีหลายเท่า แต่เมื่อเราเทียบเงินได้สุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายของนายเอที่เหลือเพียงสองหมื่นบาท กับนายบีที่มีหนึ่งแสนบาท เป็นที่แน่นอนว่านายบีมีความร่ำรวยมั่งคั่งกว่านายเอหลายเท่านัก เหล่าคนรวยเขาเข้าใจความแตกต่างของที่สองอย่างเป็นอย่างดี รายได้เป็นสิ่งที่สำคัญแต่เป็นเพียงหนึ่งสี่องค์ประกอบหลักเท่านั้น ซึ่งองค์ประกอบทั้งสี่คือ

  1. รายได้
  2. เงินออม
  3. เงินลงทุน
  4. ความเรียบง่าย พอเพียง

รายได้ แบ่งออกเป็นสองรูปแบบคือ รายได้ที่มาจากการทำงาน และรายได้ที่ไม่ได้มาจากการทำงาน รายได้ที่มาจากการทำงานก็คือรายได้ที่เราเอาเวลาในชีวิต แรงงาน ความรู้ต่างๆ ที่มีไปแลกมา เช่นเงินเดือน โบนัส โอที หรือถ้าเป็นผู้ประกอบการก็เป็นพวกกำไรต่าง ๆ   ส่วนรายได้ที่ไม่ได้มาจากการทำงานก็คือรายได้ที่เราไม่ต้องใช้แรงงาน หรือเวลาไปแลกมา เช่นผลตอบแทนจากการลงทุน, ดอกเบี้ยเงินฝาก เป็นต้น รายได้เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะมันเป็นจุดตั้งต้นที่จะนำไปสู่องค์ประกอบที่เหลืออีกสามประการ หากไม่มีรายได้ ก็ไม่มีเงินออม ไม่มีเงินออมย่อมไม่มีเงินไปลงทุน แต่ถึงแม้มันจะสำคัญเพียงไร ก็เป็นเพียงหนึ่งในองค์ประกอบที่จะนำไปสู่ความมั่งคั่งเท่านั้น หากมีแต่เพียงรายได้อย่างเดียว ย่อมไม่อาจทำให้เกิดความร่ำรวยมั่งคั่งได้อย่างยั่งยืน คนจนและคนชั้นกลางส่วนใหญ่มักจะโฟกัสที่รายได้เพียงอย่างเดียวโดยไม่รู้ว่าอีกสามองค์ประกอบก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน หรือแม้กระทั่งไม่รู้ว่าความร่ำรวยจำเป็นที่ต้องมีองค์ประกอบเหล่านี้อยู่

เงินเก็บ ก็มีความสำคัญไม่ด้อยไปกว่ารายได้ ต่อให้มีรายได้มาเท่าไหร่แต่หากไม่เหลือเก็บเลย ชีวิตก็คงไม่มีความมั่นคง หากวันใดวันหนึ่ง รายได้ที่เคยมีหดหายไป ย่อมไม่อาจดำรงชีพอยู่ได้ ดังนั้นเมื่อมีรายได้ก็ต้องบริหารจัดการเงินออมให้เหมาะสม

เทคนิคส่วนตัวของผู้อ่านในการออมเงินคือ ให้คิดเป็นสัดส่วนเปอร์เซนต์ของรายได้ แทนที่จะเป็นจำนวนเงินที่ตายตัว เช่นตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเก็บ 20% ของรายได้เป็นเงินออม ด้วยวิธีนี้เมื่อมีรายได้เพิ่มขึ้นเงินออมก็เพิ่มขึ้นตาม

การลงทุน เมื่อมีเงินออนอยู่ในระดับหนึ่งแล้ว เราถึงจะสามารถก้าวไปยังขั้นถัดไปคือการลงทุน คนรวยส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการลงทุนเป็นอย่างยิ่ง แต่กับคนจนและคนชั้นกลาง มักจะคิดว่าการลงทุนเป็นเรื่องที่ไกลตัว เป็นเรื่องของคนรวย เขาเหล่านั้นจึงไม่สนใจที่จะขวนขวายหาความรู้ด้านนี้

การใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย หลายคนอาจสงสัยว่ามันเกี่ยวข้องกับความมั่งคั่งร่ำรวยอย่างไร การใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายมีความสำคัญไม่แพ้องค์ประกอบอื่นข้างต้น หากเรามีรายได้น้อยแต่ใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อ ย่อมไม่อาจเก็บออมได้ เมื่อไม่มีเงินออม ย่อมไม่อาจก้าวไปสู่ขั้นของการลงทุน หากมีรายได้เยอะแต่ไม่ประหยัดอดออมก็เหลือเก็บน้อย เมื่อเก็บได้น้อย การจะก้าวข้ามไปยังขั้นต่อไปก็ยากลำบาก คนรวยแทบทั้งหมดมักจะดำรงชีพด้วยความเรียบง่าย วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก กลับใช้ชีวิตเรียบง่ายยิ่งกว่าชนชั้นกลางทั่วไปเสียอีก ทั้งนี้ทั้งนั้นความเรียบง่ายก็คือการไม่ฟุ้งเฟ้อหรูหรา แต่ก็ไม่ทำให้ชีวิตของตนเองและคนรอบข้างประสบกับความยากลำบาก

สำหรับผู้ที่มีครบองค์ประกอบทั้งสี่ ก็เปรียบเสมือนกำลังขับรถยนต์ที่มีสี่ล้อครบสมบูรณ์ ย่อมมีความมั่นคงปลอดภัย สำหรับคนจนและคนชั้นกลางที่โฟกัสเฉพาะรายได้เพียงอย่างเดียวก็เปรียบดังกับการขี่จักรยานล้อเดียวที่จะล้มเมื่อไหร่ก็เป็นได้