Secrets of the Millionaire Mind: Wealth File 17

Rich people constantly learn and grow. Poor people think they already know.

น้ำเต็มแก้ว คือศัตรูที่สำคัญที่สุด เป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดที่จะขัดขวางไม่ให้เราประสบความสำเร็จ หากอยากจะประสบความสำเร็จ ประการแรกคือเราต้องตระหนักว่าความไม่รู้ไม่ได้หมายความว่าโง่ และเราต้องเข้าใจว่าไม่มีใครรู้ทุกเรื่องราวในโลกนี้ เมื่อเราเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญข้อนี้จะทำให้เราเปิดใจที่จะเรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง คนรวยส่วนใหญ่เข้าใจในประเด็นนี้เป็นอย่างดี สำหรับคนจนแล้วมักจะทระนงตนว่ารู้ทุกเรื่องราว สิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับคนเหล่านั้นคือการถูกมองว่าโง่ และสิ่งที่คนเหล่านี้เข้าใจคือการไม่รู้เท่ากับโง่ สำหรับคนรวยแล้ว เขาเข้าใจเป็นอย่างดีว่า การที่เราไม่รู้ไม่ได้หมายความว่าโง่ การไม่ยอมเรียนรู้ต่างหากคือความโง่ที่แท้จริง ดังนั้นการถูกมองว่าโง่เพราะไม่รู้ จึงมีความน่ากลัวน้อยกว่าคำว่าจน ถ้าทุกวันนี้เรายังจน ทุกข์ยากและไม่มีความสุขในชีวิต นั่นแสดงว่ามีบางอย่างที่เรายังไม่รู้

การเรียนรู้จะไม่เกิดขึ้นถ้าเราคิดว่าเรารู้ทุกอย่างแล้ว แต่สิ่งที่สำคัญคือ เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเราสิ่งที่เรารู้มันจริงแค่ไหน ถูกต้องแค่ไหน ถึงแม้ว่าเราจะเคยได้ยิน ได้รับรู้ ได้อ่าน เรื่องราวเหล่านั้นมาก็ไม่ได้หมายความว่าเรารู้จักเรื่องเหล่านั้นดีพอ ดังนั้นหากเราสามารถเปลี่ยนจากคำว่า know it all เป็นคำว่า learn it all เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงของสิ่งที่เราคิดว่า เรารู้แล้ว ว่าแท้ที่จริงเรารู้จักมันจริง ๆ หรือเปล่า

การเรียนรู้ต้องมีการขยายของเขตไปเรื่อย ๆ ถึงจะเรียกว่าเป็นการเรียนรู้ที่แท้จริง การเรียนรู้ในเรื่องเดิม ๆ ไม่อาจช่วยให้เราเติบโตและก้าวหน้าได้ โลกไม่มีอะไรที่แน่นอน การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคดิจิตอล ที่ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง ผู้ที่ไม่ยอมเรียนรู้จะถูกสลัดทิ้งให้ล้าหลังห่างไกลออกไปเรื่อย ๆ มนุษณ์เราก็เหมือนกับพืชพันธ์ต่าง ๆ ถ้าไม่เติบโตก็มีแต่รอวันตายเท่านั้น

คนจนมักจะโทษว่าพวกขาดความรู้และไม่ได้รับการศึกษาเพราะว่ายากจน หรือค่าใช้จ่ายในการศึกษาแพงเกินไป Benjamin Franklin เคยกล่าวไว้ว่า "If you think education is expensive, try ignorance." เราตีราคาการศึกษาว่าแพง แต่เราไม่เคยตีราคาความเขลาว่ามันแพงแค่ไหน ความรู้คือพลัง มีพลังถึงจะสามารถกระทำการใดๆ ได้ ถ้าอยากร่ำรวยมั่งคั่ง จงอย่างอายที่จะบอกว่าไม่รู้และลงมือศึกษามันอย่างจริงจัง อย่าให้ข้ออ้างต่าง ๆ มาหยุดคุณไว้ หากวันนี้คุณไม่มีเงิน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเรียนรู้ว่าทำยังไงถึงจะมีเงิน หากคุณไม่มีเวลา จำเป็นอย่างยิ่งที่คุณจะต้องศึกษาว่าทำอย่างไรถึงจะมีเวลา

ความสำเร็จเป็นทักษะที่ฝึกฝนและเรียนรู้ได้ ไม่มีใครที่จะประสบความสำเร็จในทุกเรื่องโดยปราศจากการเรียนรู้และฝึกฝน ก่อนที่จะประสบความสำเร็จ ทุกคนล้วนเริ่มต้นจากจุดที่ศูนย์เหมือนกันเสมอ เริ่มจากความไม่รู้ เรียนรู้ จนกระทั่งเชี่ยวชาญ และประสบความสำเร็จในท้ายที่สุด คติพจน์ที่สำคัญที่สุดคือ "เขาทำได้ เราก็ต้องทำได้" คนอื่นประสบความสำเร็จได้ เราก็ต้องประสบความสำเร็จได้เช่นกัน

การเป็นคนรวย ไม่ได้หมายถึงเฉพาะเรื่องเงินทองเพียงอย่างเดียว แต่มันคือคุณลักษณะ บุคลิกและความคิดในแบบที่คนรวยเขามีกัน หนทางที่จะนำไปสู่ความร่ำรวยได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืนที่สุดคือการพัฒนาตนเอง โดยวิธีการที่ได้ผลที่สุดคือการพัฒนาตนเองจากภายในสู่ภายนอก ปรับปรุงพื้นฐานทางความคิด ทัศนคติให้ถูกต้อง อย่างที่กล่าวไปตั้งแต่ต้นว่า ผลกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตล้วนเป็นผลสะท้อนจากสิ่งที่อยู่ภายในของเรา ไม่ว่าจะเป็นความคิด ความรู้สึกต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้คือรากที่แท้จริงที่เราต้องปรับปรุงบำรุงรักษา ส่วนผลลัพท์หรือกรรมที่เกิดขึ้นแล้วล้วนเป็นสิ่งที่ไม่อาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ หนทางที่ดีที่สุดคือการหันมาบำรุงรากให้แข็งแรงเพื่อให้ผลรุ่นถัดไปหอมหวาน ไม่ใช่พยายามแก้ไขผลที่เกิดขึ้นแล้วให้หอมหวาน

ลำดับในการประสบความสำเร็จประกอบด้วย ทำ, เป็น, มี สามคำนี้คนรวยกับคนจนจะเรียงลำดับไม่เหมือนกัน คนรวยจะเรียงลำดับคำเหล่านี้เป็น "เป็น, ทำ, มี" ในขณะที่คนจนจะเรียงลำดับเป็น "มี, ทำ, เป็น" คนจนมักจะบอกว่า "ถ้าฉันมีเงินมาก ฉันจะทำอะไรก็ได้ที่ฉันอยากทำ และฉันจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ" ในขณะเดียวกันคนรวยจะบอกว่า "ถ้าฉันเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ ฉันสามารถทำอะไรก็ตามที่ฉันอยากทำ เพื่อที่จะมีอะไรก็ตามที่ฉันอยากมี รวมถึงเงิน"