Wyckoff in Depth - Part VI
Phases
การวิเคราะห์ช่วงเวลาแต่ละช่วงนั้นช่วยให้เห็นบริบทของตลาดได้ชัดเจนขึ้น มองเห็นพัฒนาการของโครงสร้างกราฟราคา ช่วยให้สามารถอนุมานได้ว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วงที่รายใหญ่กำลังกักตุนหุ้น หรือกระจายหุ้น เมื่อเห็นพัฒนาการในแต่ละช่วงชัดเจน อนุมานได้ว่ารายใหญ่กำลังทำอะไร ก็สามารถคาดเดาสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันไกล้ได้ไกล้เคียงมากขึ้น
สำหรับวิธีวิเคราะห์แบบ Wyckoff นั้น บริบทของตลาดเป็นเรื่องที่สำคัญมาก มันถูกให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก เหนือกว่าเครื่องมือหรือวิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคใด ๆ โดยแบ่งช่วงเวลาออกเป็น 5 ช่วงตั้งแต่ A ถึง E และแต่ละช่วงนั้นมีลักษณะเฉพาะตัว
- Phase A, เป็นช่วงเวลาที่ยืนยันการสิ้นสุดของเทรนก่อนหน้า
- Phase B, ช่วงเริ่มสร้างเหตุ หรือ Cause คือรายใหญ่เริ่มสะสมหุ้น
- Phase C, ช่วงทดสอบความแข็งแกร่งของแนวรับแนวต้าน
- Phase D, ช่วงเวลาที่ราคาวิ่งเป็นเทรนที่อยู่ในกรอบ TR
- Phase E, ช่วงเวลาที่ราคาวิ่งเป็นเทรนหลังเบรคออกจากกรอบ TR
การวิเคระห์ช่วงราคา (แท่งเทียน) และปริมาณการซื้อขายจะช่วยค้นหาจุดเริ่มต้นและสิ้นสุดของแต่ละช่วงเวลา มันสำคัญมากเพราะเป็นหนทางเดียวที่เราจะช่วยให้เราทำนายอนาคตได้ไกล้เคียงมากขึ้น
PHASE A - STOPPING THE PREVIOUS TREND
Phase A เป็นช่วงที่ตลาดเปลี่ยนจากเทรนเป็น sideway โดย Phase A จะประกอบด้วยเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ดังนี้
- Preliminary Support and Preliminary Supply
- Selling Climax and Buying Climax
- Automatic Rally and Automatic Reaction
- Secondary Test
ถ้าตลาดถูกควบคุมโดยฝ่ายซื้อ ราคาหุ้นจะขึ้น แต่ถ้าราคาหุ้นลงแสดงว่าตลาดถูกควบคุมโดยฝ่ายขาย เมื่อราคาวิ่งไปถึงจุด ๆ หนึ่ง รายใหญ่จะเริ่มมองเห็นโอกาสที่จะสามารถในการทำกำไรจากหุ้น โอกาสในทีนี้โดยทั่วไปคือการเปรียบเทียบ Value หรือมูลค่าของหุ้นกับราคาปัจจุบัน โดยใช้วิธีการประเมินในแบบต่าง ๆ และเมื่อมูลค่ากับราคาปัจจุบันไม่สอดคล้องกัน การกักตุนหุ้นจึงเริ่มขึ้น สิ่งที่บ่งชี้ให้เห็นว่ารายใหญ่นั้นเริ่มให้ความสนใจ คือ Preliminary Stop ที่เกิดขึ้นพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูงกว่าปกติ Climax ที่ตามมา (ไม่จำเป็นต้องมีปริมาณการซื้อขายที่สูงมาก) ชี้ให้เห็นถึงการอ่อนแรงของฝ่ายที่ควบคุมราคาหุ้นอยู่ และอาจจะเป็นจุดสิ้นสุดของเทรนก่อนหน้า Reaction ที่ตามมาหลังเกิด Climax เป็นการยืนยันว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นจริง ๆ เป็นครั้งแรกที่แสดงให้เห็นว่ารายใหญ่เริ่มมีความเห็นที่ไม่สอดคล้องกับเทรนก่อนหน้าแล้ว และเมื่อราคากลับมาทดสอบแนวรับแถว Climax หลัง Reaction แล้วไม่หลุดลงไป ก็เป็นการฟันธงได้ว่าเทรนก่อนหน้าสิ้นสุดแล้ว และถือเป็นจุดสิ้นสุดของ Phase A เช่นกัน
PHASE B - BUILDING THE CAUSE
Phase B เริ่มต้นขึ้นหลังเกิด Secondary Test เป็นการเริ่มต้นในการสะสมหุ้นของรายใหญ่ (ก่อเหตุ) โดยช่วงนี้จะเป็นช่วงที่มีการทดสอบทั้งแนวรับและแนวต้าน ราคาจะวิ่งขึ้นลงอยู่ในกรอบ TR โดยการทดสอบแนวต้านนั้นเรียกว่า Upthrust และ Upthrust Action ส่วนการทดสอบแนวรับนั้นเรียกว่า Secondary Test as Sign of Weakness และ minor Sign Of weakness ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ตลาดมีความสมดุล เป็นช่วงที่รายใหญ่ใช้เวลาไปกับการสะสมหุ้นให้ได้ตามที่ต้องการ
ถ้าจะให้ดี Phase B ควรมีช่วงระยะเวลาที่ยาวกว่า Phase A กับ Phase C ในกรณีที่ Phase B นั้นมีระยะเวลาที่สั้นกว่า Phase A และ Phase C อนุมานได้ว่ารายใหญ่มีความรีบร้อนในการสะสมหุ้น ซึ่งสามารถเพิ่มน้ำหนักของโอกาสในการกลับตัวที่สูงขึ้น
PHASE C - TEST
Phase C นั้นเป็นช่วงเวลาเขย่าเม่าโดยประกอบไปด้วยเหตุการณ์ดังนี้
- Spring/Shakeout
- UpThrust After Distribution (UTAD)
เป็นช่วงเวลาที่รายใหญ่ข่มขวัญเม่า ไม่ให้เข้าสู่ตลาด หรือมาขวางทาง หากพบกว่าในระหว่างการเขย่านั้นยังมีกิจกรรมซื้อขายที่สูงอยู่ แสดงให้เห็นว่ายังมีหุ้นไหลเวียนอยู่ในตลาดเยอะ ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแผนเช่นยืดระยะเวลาในการเขย่า เป็นต้น
PHASE D - TREND WITHIN RANGE
เป็นช่วงที่ตลาดเริ่มเสียสมดุล หุ้นส่วนใหญ่ถูกกักตุนไว้ในมือรายใหญ่แล้ว ราคาเริ่มใต่เข้าหาแนวต้าน โดยใน Phase D นี้จะเป็นการ Breakout และ Pullback เพื่อทดสอบแนวรับ (แนวต้านเดิม) เพื่อยืนยันการเบรคว่าเป็นจุดเริ่มต้นของเทรนขาขึ้นรอบใหม่
ถ้าหากการวิเคราะห์ก่อนหน้าที่ผ่านมานั้นถูกต้อง แท่งเทียนช่วงนี้จะเริ่มยืดยาวกว่าปกติพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูงขึ้น เมื่อราคาไปถึงแนวต้าน หากยังมีแรงต้านที่สูง มีความเป็นไปได้สามทางคือ กลับลงไปทดสอบแนวรับด้านล่าง หรือรายใหญ่ยอมจ่ายค่าผ่านทาง โดยกวาด offer ที่มีอยู่ให้หมด ส่วนทางสุดท้ายคือการเบรคหลอก
PHASE E - TREND OUT OF RANGE
หลังจาก Breakout ได้รับการยืนยันแล้ว ถือว่าไม่มีอุปสรรคขวางทางอีกต่อไป ราคาจะเป็นเทรนที่เริ่มวิ่งห่างออกจากกรอบสูงขึ้น
break - confirmation จึงเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าตลาดได้เสียสมดุลเป็นที่เรียบร้อย หุ้นส่วนใหญ่อยู่ในมือรายใหญ่และพร้อมที่จะดันราคาให้วิ่งขึ้นไปเป็นเทรนต่อไป เป็นจุดเริ่มต้นเข้าสู่การวิเคราะห์เทรนต่อไป